ใครๆ ที่มาเที่ยวปัตตานี หรือ นราธิวาส
หากถามว่า...ใครเคยกินข้าวเกรียบมั๊ย?
ข้าวเกรียบที่ทำจากสัตว์ทะเล ทั้งกุ้งและปลา นำมาทำเป็นข้าวเกรียบ
หั่นแล้วนำไปตากจนแห้ง
เมื่อนำไปทอด จะฟู พองตัวอีก 2-3 เท่าตัว
กินกับน้ำจิ้ม..สุดยอดของความอร่อย
หากเป็นเช่นนี้ หลายคนจะบอกว่า
“เคยกินดิ”
“ กินเล่นๆ ก็ได้ หรือ กินเป็นกับแกล้มก็อร่อยไม่เบา”
นั่นแหละ ถูกต้อง ใช่เลย...
ข้าวเกรียบ ของดีเมืองแถบชายทะเลอ่าวไทยแห่งปลายด้ามขวาน
โดยเฉพาะข้าวเกรียบที่นับว่าขึ้นชื่อของปัตตานี
คือ ข้าวเกรียบจากปลาหลังเขียว
แต่หากจะถาม....คนที่ไม่ใช่คนสามจังหวัดชายแดนใต้ ว่า....
แล้วใครเคยกิน “กือโป๊ะ” หรือ "กรือโป๊ะ" หรือเปล่า?
หลายคนอาจอาการ “ง.งู” วิ่งชนกัน
ก็ “งง” ไงล่ะค่ะ?
“งง” ว่า มันเป็นอะไร?
“งง” ว่ามันเป็นภาษาอะไรกัน?
เพราะ เจ้ากือโป๊ะ นับเป็นข้าวเกรียบอีกชนิดหนึ่ง
ที่นิยมกินกันในแถบจังหวัดปัตตานี
หรือ จังหวัดในแถบจังหวัดชายแดนใต้
จนกลายเป็น “ของดี” แห่งปลายด้ามขวานไปเลยล่ะค่ะ
กือโป๊ะ หรือ กรือโป๊ะ เป็นของกินเล่นอีกชนิด
จิ้มกินกับน้ำจิ้มที่ทำได้โดยนำ
พริกสด น้ำตาลทราย กระเทียม และน้ำเปล่าเข้าเครื่องปั่นพอหยาบ
เติมซอสมะเขือเทศ และน้ำส้มสายชูลงไป ชิมรสตามต้องการ
ตามจังหวัดชายแดนใต้
แถมน้ำจิ้มก็ไม่ต้องลงมือทำเองมีแถมให้พร้อม
แค่ซื้อมา แล้วเอาใส่ปาก เคี้ยวแล้วกลืน
แค่นี้ก็ไม่ยุ่งยากแล้วล่ะค่ะ
ปัจจุบัน กือโป๊ะ ที่เคยเป็นอาหารที่มีเพียงคนในท้องถิ่นกินกัน
ทำเอง ขายเอง ช่วยกันซื้อเอง
จน ณ บัดนาว กือโป๊ะ กลายเป็นอาหารว่างขึ้นห้างไปแล้วเรียบร้อยค่ะ
อีกทั้ง ปัจจุบัน
ได้มีการบรรจุหีบห่อใส่ถุงสุญญากาศขายตามร้านขายของที่ระลึก
หรือตามห้างโดยทั่วไป
หลังจากมาเลเซียตกเป็นเมืองขึ้นของอังกฤษ
มีคนจากมาเลเซียจำนวนหนึ่ง ได้อพยพมาตั้งรกรากในประเทศไทย
บริเวณบ้านดาโต๊ะ ตำบลแหลมโพธิ์ อำเภอยะหริ่ง จังหวัดปัตตานี
และมีคนนำต้นสาคูมาทำแป้งเป็นอาหารเช้ากินกับน้ำชา
ในยุคนั้นเป็นยุคข้าวยากหมากแพง
จึงนำแป้งสาคูมาผสมกับปลาและเกลือ
เท่าที่ชาวบ้านในหมู่บ้านประมงจะหามาได้
โดยปั้นเป็นแท่งกลมยาว แล้วนำมาตัดเป็นชิ้น ๆ
ย่างหรือทอดในน้ำมันใช้เป็นอาหารรับประทานครัวเรือน
ซึ่งในหมู่บ้าน ส่วนใหญ่ก็จะทำอาหารชนิดนี้กินกันทุกครัวเรือน
การทำอาหารชนิดนี้แปรเปลี่ยนเป็นภูมิปัญญาสืบทอดมาเป็นขุมทรัพย์
จากการที่บรรพบุรุษของชาวดาโต๊ะรู้จักวิธีทำข้าวเกรียบกือโป๊ะ
มาแต่อดีตและได้สืบทอดภูมิปัญญานี้ส่งผ่านมารุ่นแล้วรุ่นเล่า
จนถึงลูกหลานยุคปัจจุบัน
ทำข้าวเกรียบกือโป๊ะไว้กินกันในครัวเรือน
ที่เหลือก็มีการขายกันบ้างภายในหมู่บ้านปรากฏว่าขายดี
จึงขยายตลาดไปยังภายนอกหมู่บ้าน
เพิ่มการผลิตมากขึ้นเรื่อย ๆไปสู่ตำบล อำเภอ และจังหวัดอื่นๆ
จากการผลิตข้าวเกรียบกือโป๊ะของชุมชน
สามารถสร้างรายได้ให้กับคนในชุมชนที่เป็นผู้ผลิตข้าวเกรียบ
ประมาณ 3,000– 5,000 บาท/คน/เดือน
นับเป็นขุมทรัพย์ที่เกิดจากภูมิปัญญาโดยแท้
(ขอบคุณข้อมูลจากhttp://www.pncc.ac.th/pncc/joomlapncc/index.php?option)
.................................
ป.ล. ปีใหม่นี้ หากใครจะซื้อของขวัญของฝากแก่ญาติมิตร หรือญาติผู้ใหญ่
ลองทำ หรือ ซื้อ "กือโป๊ะ" เป็นของขวัญของฝากก็ไม่เลวน่ะค่ะ
ข้อมูลจาก http://www.oknation.net/blog/print.php?id=902302
สั่งสินค้าผ่าน LINE
โปรโมชั่นสั่งผ่านไลน์
ชำระผ่านบัตรเครดิตไม่มีค่าธรรมเนียม
หน้าที่เข้าชม | 265,689 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 149,215 ครั้ง |
เปิดร้าน | 6 ก.ค. 2557 |
ร้านค้าอัพเดท | 18 ส.ค. 2568 |